วิวัฒนาการของ “รถแห่นาค”
หลังจากที่ห่างหายไปหลายวันเนื่องด้วยภาระกิจรัดตัว และกลับมาเขียนต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ผมนั่งลงประจำโต๊ะทำงานตัวโปรด ที่เดิม มองซ้าย มองขวา หาเรื่องที่จะเขียน เวลาผ่านไปหลายชั่วลมหายใจเข้าออก ยังคิดไม่ออก จนสุดท้ายปริ้ง นึกถึงเรื่องที่คิดว่าจะเขียนแล้วลืมไปเพราะไม่ได้จดไว้
ก่อนหน้านี้มีครั้งหนึ่งผมขับรถจะไปธุระ บังเอิญว่าถนนสายนั้นมีการแห่นาคเพื่อจะไปบวชที่วัด ซึ่งมันก็น่าจะเป็นเรื่องปรกติธรรมดา แต่บังเอิญผมจะแซงแล้วแซงไม่ได้ รถไปจอดคู่กับรถแห่ดนตรีสดพอดี เสียงดังมาก กระจกรถผมสั่นสะเทือนแทบแตก ทำให้นึกเปรียบกลับไปยังสมัยก่อนว่ามันไม่ได้เป็นแบบนี้
ตามชนบท สมัยก่อนการแห่นาคไปบวชนั้นจะทำแบบง่ายๆ มากสุดก็จะเป็นรถเครื่องเสียงแบบรถกระบะหรือรถหกล้อบรรทุกลำโพง ขับนำหน้าขบวน คนที่มาร่วมก็มักจะเป็นญาติพี่น้อง หรือว่าคนในหมู่บ้าน ซึ่งตอนผมเป็นเด็กก็คิดว่าสนุกมากแล้วนะ
แต่...ทุกวันนี้ สิ่งที่เริ่มเปลี่ยนไปและเห็นได้ชัดในการแห่นาคนั้นก็คือ เรื่องแรกเรื่องของรถแห่ สมัยนี้จัดเต็มยิ่งกว่าการแสดงสดบนเวทีคอนเสริต เพราะจะนิยมยกวงดนตรีทั้งวงมาไว้บนรถ ประกอบกับมีลำโพงขนาดใหญ่ ถ้าจะให้เปรียบก็คือ เวทีการแสดงเคลื่อนที่ดีๆนี่เอง เรื่องที่สองที่แตกต่างจากสมัยก่อนนั้นก็คือ เดียวนี้เมื่อมีข่าวว่าจะมีรถแห่มาที่ไหนจะเกิดการรวมตัวกันของวัยรุ่นและก็ไปร่วมแห่ด้วย ทั้งที่ไม่ได้เป็นญาติหรือว่ารู้จักกันมาก่อน เปรียบเทียบก็เหมือนการไปดูคอนเสริตร์นั้นเอง และนี้คือ วิวัฒนากาารของการแห่นาค และรถแห่ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

รถแห่วงดนตรีบ่อวิน
รถแห่วงดนตรีย่านวัดห้วยปราบ
รถแห่วงดนตรีย่านวัดบ่อวิน
รถแห่วงดนตรีย่านวัดพันเสด็จใน
รถแห่วงดนตรีย่านวัดสันติคีรี
รถแห่วงดนตรีย่านวัดยางเอน
รถแห่วงดนตรีย่านวัดเนินกระบก
รถแห่วงดนตรีย่านวัดศรีพุ่มโพธิ์
รถแห่วงดนตรีย่านโรงเรียนบ้านบ่อวิน
รถแห่วงดนตรีย่านโรงเรียนบ้านเขาหิน
รถแห่วงดนตรีย่านโรงเรียนบ้านพันเสด็จใน
รถแห่วงดนตรีย่านโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชลบุรี